## เจาะลึกหุ้น A-shares จีน: โอกาสระยะยาว…ท่ามกลางความท้าทายระยะสั้น?

ตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะกลุ่ม A-shares ซึ่งหมายถึงหุ้นของบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ถือเป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่ใหญ่และมีความเคลื่อนไหวที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามอง ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกและจำนวนประชากรมหาศาล ทำให้ตลาดทุนจีนมีศักยภาพการเติบโตในระยะยาวอย่างมหาศาล แต่อย่างที่วงการการเงินมักเป็น ย่อมมีทั้งโอกาสที่มาพร้อมกับความท้าทาย โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และปัจจัยภายในของจีนเองก็กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่น่าจับตา

ในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นความสนใจในหุ้น A-shares เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีตลาดหุ้นหลักอย่าง Shanghai Composite หรือ Shenzhen Component Index ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในช่วงเวลาหนึ่ง สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพพื้นฐานของบริษัทจีน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมนี้ไม่ได้ไร้เมฆหมอก ปัจจัยภายนอกอย่างสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง ไปจนถึงความไม่แน่นอนจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าที่ยังยืดเยื้อ ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น

**ทำความเข้าใจหุ้น A-shares: หัวใจเศรษฐกิจจีน**

ก่อนจะพูดถึงโอกาสและความท้าทาย เรามาทำความรู้จักกับตลาดหุ้น A-shares ให้ชัดเจนขึ้น ตลาดนี้เป็นเวทีหลักให้บริษัทชั้นนำของจีนเข้ามาระดมทุนและเป็นช่องทางให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจเหล่านั้น หุ้น A-shares มีการซื้อขายหลักๆ อยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange – SSE) และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange – SZSE) โดยหุ้นที่ซื้อขายจะใช้สกุลเงินเหรินหมินปี้ (หยวน) ซึ่งแตกต่างจากหุ้น H-shares (ฮ่องกง) หรือ N-shares (นิวยอร์ก) ที่อาจเป็นบริษัทจีนเดียวกันแต่ซื้อขายในตลาดนอกประเทศ

บริษัทหลายแห่งที่เป็นดั่งเสาหลักหรือผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีน ล้วนอยู่ในตลาด A-shares ตัวอย่างที่โดดเด่นได้แก่ Kweichow Moutai (รหัส 600519) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล้าขาวแบรนด์พรีเมียมที่สะท้อนกำลังซื้อภายในประเทศได้อย่างดีเยี่ยม, Ping An Insurance (601318) บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ที่เติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของชนชั้นกลางและความต้องการด้านการประกันสุขภาพและชีวิต, China Merchants Bank (600036) หนึ่งในธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่มีเครือข่ายและฐานลูกค้าแข็งแกร่ง, และ Jiangsu Hengrui Pharmaceuticals (600276) บริษัทเภสัชกรรมที่มีความก้าวหน้าด้านการวิจัยและพัฒนายารักษาโรค สะท้อนถึงการยกระดับอุตสาหกรรมยาและสุขภาพของจีน บริษัทเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยการบริโภคภายในประเทศและนวัตกรรมต่างๆ

**การเติบโตระยะยาว…กับเมฆหมอกระยะสั้น**

โดยพื้นฐานแล้ว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดหุ้นจีน A-shares ในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยหลักมาจากขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และศักยภาพในการเติบโตที่ยังคงมีอยู่สูงกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว เมื่อเศรษฐกิจเติบโต กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น นโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ก็ยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้บริษัทที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้มีโอกาสขยายตัว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายบางประการ หนึ่งในนั้นคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจยังไม่ร้อนแรงเท่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลง ซึ่งมีรายงานว่าเคยแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนในช่วงเวลาหนึ่ง สาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ การจ้างงาน รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้น และทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความลังเล

**บทบาทของนโยบายภาครัฐและมุมมองผู้เชี่ยวชาญ**

ในสถานการณ์เช่นนี้ บทบาทของภาครัฐจีนมีความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อประคับประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน การเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนมาตรการอื่นๆ ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนในภาคส่วนที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณษิบ ถกลสุนทร์ ผู้จัดการกองทุนจาก KAsset ให้ความเห็นว่า แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและช้ากว่าที่บางส่วนคาดหวัง แต่ศักยภาพในการฟื้นตัวนั้นยังมีอยู่ และคาดว่าภาครัฐจะยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมาอีกในปีนี้ นโยบายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ยังอาจส่งผลดีต่อบางอุตสาหกรรมให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย

**ทางเลือกการลงทุนในหุ้น A-shares: กองทุนรวมเป็นเครื่องมือ**

สำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสระยะยาวในตลาดหุ้นจีน A-shares แต่ไม่ต้องการลงรายละเอียดในการเลือกหุ้นรายตัว หรือต้องการเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยง กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตลาดนี้ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ กองทุน K-CCTV ของ KAsset เป็นหนึ่งในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-shares โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการใหม่ที่เน้นการบริโภคภายในประเทศและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางของประเทศ

จุดเด่นที่น่าสนใจของกองทุน K-CCTV คือการนำเอาเครื่องมือบริหารความผันผวนอัตโนมัติ (Dynamic Volatility Control) มาใช้ เครื่องมือนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน โดยจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างหุ้น (สินทรัพย์เสี่ยงสูง) กับสินทรัพย์เสี่ยงต่ำโดยอัตโนมัติ ตามระดับความผันผวนของตลาด กล่าวคือ หากตลาดมีความผันผวนสูง โมเดลจะลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลง (อาจเหลือประมาณ 70%) เพื่อลดความเสี่ยง แต่หากความผันผวนของตลาดลดลง โมเดลก็จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลับขึ้นไป (เกือบ 100%) เพื่อให้พอร์ตสามารถรับผลตอบแทนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดได้เต็มที่ วิธีการนี้ส่งผลให้ความผันผวนของกองทุน K-CCTV มีแนวโน้มต่ำกว่ากองทุนหุ้นจีน A-shares ทั่วไป ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดนี้แต่ยังกังวลเรื่องความผันผวนระยะสั้น (ในอดีต กองทุนอาจมีการเสนอโปรโมชั่นค่าธรรมเนียมสำหรับการสับเปลี่ยนเข้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่กองทุนมักจัดขึ้นตามช่วงเวลาต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุน)

**กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน**

การลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูงอย่างหุ้นจีน A-shares จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและวินัยในการลงทุน นอกจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียด รวมถึงการพิจารณาตัวเลขสำคัญเช่น PE ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไร) และ PEG ratio (PE ratio ต่ออัตราการเติบโตของกำไร) เพื่อประเมินมูลค่าหุ้นแล้ว การมีแผนบริหารจัดการพอร์ตก็สำคัญไม่แพ้กัน

กลยุทธ์หนึ่งที่นักลงทุนสามารถนำมาใช้คือ **การแบ่งขายทำกำไร (Partial Selling)** วิธีนี้คือการทยอยขายหุ้นบางส่วนออกไปเมื่อราคาปรับตัวขึ้นถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 10% จากต้นทุน อาจพิจารณาขายหุ้นออกไป 5% ของจำนวนที่ถืออยู่ วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถล็อคกำไรบางส่วนไว้ได้ และลดความเสี่ยงจากการที่ราคาวกกลับลงมา

อีกกลยุทธ์คือ **การปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน (Rebalancing)** เทคนิคนี้คือการทบทวนและปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (หรือหุ้นแต่ละตัว) ในพอร์ตให้กลับมาเป็นไปตามแผนที่วางไว้แต่แรก ตัวอย่างเช่น หากเดิมตั้งใจให้หุ้น A-shares เป็นสัดส่วน 20% ของพอร์ต แต่เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นมากจนสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25% การทำ Rebalancing คือการขายหุ้น A-shares บางส่วนออกไป เพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่สัดส่วนลดลง หรือถือเป็นเงินสด เพื่อรักษาสัดส่วนเดิมที่ 20% กลยุทธ์นี้ช่วยให้นักลงทุนควบคุมระดับความเสี่ยงของพอร์ตให้อยู่ในกรอบที่ยอมรับได้เสมอ และยังเป็นเหมือนการบังคับให้ “ขายเมื่อแพง” และ “ซื้อเมื่อถูก” ไปในตัว

**ข้อควรระวังและสรุปสำหรับนักลงทุน**

โดยสรุปแล้ว ตลาดหุ้นจีน A-shares ยังคงมีโอกาสเติบโตในระยะยาวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ กำลังซื้อภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนระยะสั้นที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศก็ยังคงเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนัก การลงทุนในตลาดนี้จึงไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน แต่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ มีมุมมองการลงทุนระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ มีความเข้าใจในตลาดและบริษัทที่สนใจอย่างลึกซึ้ง และมีวินัยในการใช้กลยุทธ์การลงทุนและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

ตลาดหุ้นเป็นแหล่งสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานของการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด การประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ และการมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน การใช้เครื่องมืออย่างกองทุนรวมที่มีกลยุทธ์เฉพาะ หรือการนำเทคนิคการบริหารพอร์ตอย่างการแบ่งขายทำกำไรและการ Rebalancing มาปรับใช้ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรอบคอบมากยิ่งขึ้น


**หมายเหตุ:** บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและความรู้เท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือการชักชวนให้ลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหากจำเป็น เนื่องจากข้อมูลในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนตัดสินใจทุกครั้ง