## ไฟดับทั้งซอย พอร์ตเรายังมีแสงสว่าง? มาส่องหุ้นพลังงานไทยกันดีกว่า ว่าตัวไหนดี!
ช่วงนี้ เดินไปไหนมาไหน เพื่อนฝูงก็ชอบถามเรื่องหุ้นกันจัง โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตที่เพิ่งโดนเพื่อนชื่อต้อมยิงใส่มาสดๆ ร้อนๆ ว่า “เฮ้ย! อยู่ๆ ก็ได้ยินคนพูดถึงหุ้นพลังงานกันเยอะว่ะ อยากรู้จังว่าหุ้นพลังงานตัวไหนดี น่าสนใจไหม?”
โอ้โห คำถามโดนใจวัยรุ่นสร้างตัวแบบเราซะจริง! คือถ้าลองมองไปรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะข่าวต่างประเทศที่บอกว่ากระแส AI กำลังมาแรง แย่งพลังงานกันทั่วโลก แม้แต่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ยังกระโดดไปลงทุนเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ หรือจะมองใกล้ตัว แค่เวลาไฟดับทั้งซอยตอนพายุเข้า เราก็จะรู้ซึ้งทันทีว่า “พลังงาน” มันสำคัญแค่ไหน

ในโลกของการลงทุน หุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า ก็เหมือนกับ “เครื่องปั่นไฟสำรอง” ที่เราควรมีติดพอร์ตไว้ เผื่อในวันที่ตลาดหุ้นมันดูมืดมนไปหมด อย่างที่เห็นจากข้อมูลปี 2565 ที่ตลาดหุ้นไทย SET Index ลดลงไปกว่า 5.12% แต่กลุ่มพลังงานนี่สิ ยังคงเป็นกลุ่มที่มี Market Cap หรือมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดเลยทีเดียว! (ข้อมูลจาก THE STANDARD WEALTH)
แล้วทำไมหุ้นกลุ่มนี้ถึงยังน่าสนใจในสายตาหลายๆ คนล่ะ? มาแกะรอยไปพร้อมๆ กันแบบง่ายๆ สไตล์คุยกับเพื่อนหลังเลิกเรียนดีกว่า
**หุ้นพลังงานดีอย่างไร? เปรียบง่ายๆ เหมือน “ข้าวสาร” ติดบ้าน**
ถ้าให้นึกถึงหุ้นที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีจะร้าย คนก็ยังต้องใช้ ยังไงก็ต้องมี หุ้นกลุ่มพลังงานนี่แหละที่เข้าข่ายกลุ่ม “Defensive Stocks” หรือหุ้นปลอดภัย เปรียบง่ายๆ ก็เหมือน “ข้าวสาร” ในครัว ที่ต่อให้ไม่มีเงินซื้ออย่างอื่น แต่ข้าวสารนี่แหละคือของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ กินได้ทุกวัน ทุกสภาพเศรษฐกิจ
นอกจากความจำเป็นในประเทศแล้ว ลองมองไปที่ภาพใหญ่ระดับโลก จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ผ่านมา เห็นชัดเลยว่าเรื่อง “พลังงาน” เป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในอดีตก็เป็นตัวเร่งให้ทุกประเทศ หันมาให้ความสำคัญกับ “พลังงานสะอาด” มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือแม้กระทั่งพลังงานนิวเคลียร์ที่กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ใหญ่ที่ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวไปทางนี้

**อยากซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า ต้องดูอะไรบ้าง? (เคล็ดไม่ลับแบบไม่ลับเลย)**
ทีนี้ถ้าอยากเจาะลึกไปที่หุ้นโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะ สิ่งที่เราควรรู้เบื้องต้นง่ายๆ ก็คือ:
1. **นโยบายรัฐบาล:** ลองนึกภาพว่าเราจะเดินทางไปไหน ก็ต้องมี “แผนที่” ใช่ไหม? นโยบายพลังงานของประเทศก็เหมือนแผนที่การเดินทางนี่แหละ ที่จะบอกว่าในอนาคตประเทศไทยจะผลิตไฟฟ้าแบบไหน ใช้พลังงานอะไรเป็นหลัก อย่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) หรือแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) พวกนี้คือเข็มทิศที่เราควรรู้คร่าวๆ
2. **สัญญาซื้อขายไฟฟ้า:** โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือการไฟฟ้าอื่นๆ ภายใต้สัญญาซื้อขายระยะยาว ซึ่งสัญญาก็จะมีหลายแบบตามขนาดและประเภทโรงงาน เช่น IPP (รายใหญ่), SPP (รายกลาง), VSPP (รายเล็กมาก) การที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่แน่นอน ทำให้รายได้ค่อนข้างมั่นคง ไม่หวือหวามากนัก
3. **ประเภทของพลังงาน:** โรงไฟฟ้าก็มีหลายแบบ ทั้งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ หรือแม้กระทั่งพลังงานขยะ การรู้ว่าโรงไฟฟ้าที่เราสนใจใช้พลังงานแบบไหน ก็จะช่วยให้เราเข้าใจปัจจัยเสี่ยงหรือโอกาสของบริษัทได้มากขึ้น เช่น ถ้าใช้ก๊าซธรรมชาติ ต้นทุนก็จะผันผวนตามราคาก๊าซ แต่ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ต้นทุนเชื้อเพลิงก็จะไม่มี
**ผลประกอบการล่าสุด Q1/2568 (หรือปี 2025 นั่นแหละ) เป็นยังไงบ้าง?**
มาดูภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 กันหน่อยดีกว่า เท่าที่ดูจากข้อมูล ส่วนใหญ่บริษัทในกลุ่มโรงไฟฟ้ามีกำไรเติบโตขึ้นนะ! แต่ก็มีบางตัวที่ผลงานยังไม่ปังเท่าไหร่ อย่างเช่นหุ้น EA ที่ Year-to-Date (ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) ราคายังติดลบเยอะถึง -81.36% อันนี้ก็ต้องดูปัจจัยเฉพาะของบริษัทเขาไป
แต่พระเอกตัวจริงในช่วงนี้ ต้องยกนิ้วโป้งให้ **GULF** เลย! ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรพุ่งไปถึง 8,239 ล้านบาท และราคาหุ้น YTD ก็บวกแรงถึง +54.49% เรียกว่าปังไม่ไหวจริงๆ อันนี้ต้องยอมเขาเลย
ส่วนม้ามืดที่น่าจับตามองก็คือ **CKP** ถึงแม้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดอาจจะยังมีขาดทุนอยู่บ้าง แต่ราคาหุ้น YTD กลับบวกได้ถึง +19.02% นั่นอาจเป็นเพราะตลาดมองข้ามไปถึงอนาคตของบริษัทที่มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่น่าสนใจอยู่ในมือ
และอีกหนึ่งผู้ท้าชิงที่ประกาศแผนลงทุนแบบจัดเต็มก็คือ **BGRIM** ที่วางแผนจะลงทุนมหาศาลถึง 1.36 แสนล้านบาท เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้ได้กำลังผลิตรวม 10 กิกะวัตต์ในอนาคต รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ต้องใช้พลังงานเยอะมากๆ ด้วย อันนี้ก็น่าจับตาดูการเติบโตในระยะยาว
**หรือจะมาสาย “หุ้นปันผล” เก็บเงินรางวัลไว้ให้พอร์ต?**

สำหรับใครที่อยากได้เงินรางวัลปลอบใจจากตลาดหุ้น ไม่อยากลุ้นราคาทุกวัน อยากได้เงินปันผลเข้าบัญชีเหมือนได้กระเป๋าแบรนด์เนมทุกปี ลองมาดูหุ้นกลุ่มที่มีประวัติจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Yield (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล) สูงๆ ในกลุ่มนี้กันบ้างดีกว่า เพราะการฝากเงินไว้ในธนาคารตอนนี้ ดอกเบี้ยอาจจะน้อยจนแทบไม่พอสู้เงินเฟ้อเลย!
จากข้อมูลล่าสุด มีหลายตัวที่น่าสนใจเลยนะ เช่น **SPCG** ให้ปันผลสูงถึง 8.48% เรียกว่าวิ่งหนีเงินเฟ้อได้สบายๆ หรือ **BANPU** แม้ผลประกอบการอาจจะดูดร็อปไปบ้างในบางช่วง (ไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรลดลง 69% QoQ) แต่เรื่องเงินปันผลยังแน่นปึ้ก ให้ Yield ถึง 7.54% ก็น่าสนใจสำหรับสายนี้ไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมี **TPIPP** (7.27%), **TTW** (6.67%), **TOP** หรือ ท็อปไทยออยล์ (6.36%), **PTTEP** (6.19%), และ **PTT** (5.93%) ที่ให้ปันผลสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปทั้งนั้น โดยเฉพาะ TOP นี่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรโตขึ้น 99.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ค่อนข้างทรงตัวในช่วงต้นปี 2568 ตามที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 65-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ก่อนที่อาจจะขยับขึ้นไปแตะ 80 เหรียญฯ ได้ในช่วงปลายปีหลังผ่านฤดูปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น
ข้อมูลพวกนี้อ้างอิงจากแหล่งต่างๆ ทั้ง THE STANDARD WEALTH, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย และ TISCO ESU นะครับ
**สรุปแล้ว หุ้นพลังงานตัวไหนดี? มาเตือนใจและให้คำแนะนำกันหน่อย**
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนต้อมคงจะพอเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่า หุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะโรงไฟฟ้ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ทั้งในแง่ที่เป็นหุ้นปลอดภัย และมีเทรนด์พลังงานสะอาดเป็นตัวขับเคลื่อนในระยะยาว
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดเข้าตลาด สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องถามตัวเองก่อนว่า “เราจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้เพื่ออะไร?” จะเน้นเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาเหมือนหุ้นซิ่งตัวอื่น หรืออยากได้เงินปันผลเป็นประจำเหมือนเงินเดือนอีกทาง?
และจำไว้เสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง อย่างที่ **อาจารย์สมชาย วงศ์พลังงาน** นักวิเคราะห์อาวุโสจาก TISCO ESU เคยให้มุมมองไว้ว่า ปัจจัยที่ต้องระวังมากๆ สำหรับหุ้นโรงไฟฟ้าคือ **”ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ”** เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ต้นทุนก๊าซพุ่งสูงขึ้น ก็จะไปกดดันกำไรของโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ทำให้กำไรอ่อนลงได้!
สำหรับทางออกแบบเซียนหนุ่มที่เพิ่งเข้าตลาด ก็อาจจะ **”เริ่มจากหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่มี Market Cap สูงๆ”** ที่เราคุ้นชื่อคุ้นตากันดีก่อนก็ได้ เพราะสภาพคล่องในการซื้อขายจะสูงกว่า และอย่า **”หมดตัวซื้อหุ้นตัวเดียว”** เด็ดขาด ควรแบ่งเงินลงทุนออกไปในหุ้นหลายๆ ตัว หรือหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกระจายความเสี่ยงนะ
ถ้าใครชอบเทรดสั้นๆ หรืออยากลองใช้เครื่องมือที่หลากหลาย ก็มีโบรกเกอร์ต่างประเทศอย่าง Moneta Markets ที่เป็นอีกทางเลือกนะ
การลงทุนในหุ้นพลังงานไทย ก็เหมือนกับการเลือก “เครื่องปั่นไฟ” ที่เหมาะกับพอร์ตของเรานั่นแหละครับ เลือกให้ดี ศึกษาข้อมูลให้แน่น (โดยเฉพาะข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้) และอย่าลืมประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้งนะครับ! หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนต้อมและนักลงทุนมือใหม่หลายๆ คน ได้ไอเดียในการตัดสินใจลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานกันมากขึ้นนะ!